เว็บโฮสติ้งสุดคุ้ม ที่ webservices.in.th

Sunday, January 24, 2010

วิธีเอาตัวรอดในวันสิ้นโลก

เตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่เป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว)
2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน
3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้าง) เป็นเวลา 7 วัน
** ระยะเวลาการเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลก จะรวมแล้วมีระยะเวลาทั้งสิ้น 56 วัน**
** ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวีปเอเซียในประเทศที่เป็นอริต่อกัน **

ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
2. พายุถล่ม
3. แผ่นดินแยก และแผ่นดินไหว
4. ภูเขาไฟระเบิด (โดยเฉพาะที่ Yellow Stone ในอเมริกา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดลูกหนึ่ง)
5. คลื่นยักษ์จากทะเล
6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา เช่น VIRUSTERIA , อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ , ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ฯลฯ
7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน (อันนี้ตรงกับแหล่งข้อมูลที่ผมค้นเจอในหลายๆแหล่งมาก น่าแปลกใจมาก)
8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

การเตรียมตัว เตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว
1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 6 เดือน
2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
4. ที่อยู่อาศัย (ถ้าเป็นชั้นใต้ดิน หรือในถ้ำจะดีมาก)
5. ยารักษาโรค
6. ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก) และพยายามอย่ากินอาหารที่ไม่ได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
7. ยานพาหนะ เช่น จักรยาน เรือ เสื้อชูชีพ
8. เครื่องช่วยชีวิต
9. แสงสว่าง เช่นเทียน ตะเกียงพายุ (บางรายงานแจ้งว่าเวลานั้น ท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
10. เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ
1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด
2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรค สารเคมีที่มนุษย์สร้าง (อันนี้ผมวิเคราะห์แล้ว จริงแท้ที่สุด ในเวลานั้นฝนจะอันตรายมาก มันจะเป็นฝนกรดชนิดรุนแรง)
3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด (อันนี้ผมมีความเห็นว่า ควรพิจารณาเป็นกรณีไป อย่างเช่นถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือจริง และเค้าบาดเจ็บมา ก็ต้องช่วยเค้าตามหลักมนุษยธรรมนะครับ)
5. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
6. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย (ผมว่าข้อนี้สำคัญมากเหมือนกัน เพราะในระหว่างที่เกิดภัย ไม่มีใครหรอกครับที่จะกินอาหารที่ตัวเองมีอย่างจำกัดให้อิ่มตามความอยากของเรา ถ้ามันหมดขึ้นมากระทันหันล่ะเรื่องใหญ่ทีเดียว ฉะนั้นพวกเราจะหิวมาก ให้อดทนไว้ครับ)
7. ระวังอากาศที่หนาวเย็นจัด
8. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ ตะขาบ
9. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 2 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 2 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง (อันนี้จริงครับ)

การเตรียมทางจิตวิญญาณ
1. ชำระกรรมให้เบาบาง ทำได้โดย
1.1 หยุดโลภ โกรธ หลง
1.2 ทำจิตให้สงบ เบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะคลื่นเสียงที่ดังกึกก้องจะไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก (อันนี้ผมคิดว่า มีส่วนจริงมากทีเดียว เราควรจะหาที่อุดหูเตรียมไว้ด้วยนะครับ)
2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
3. ฝึกการละวาง (ผมว่าลองคิดว่า พวกเราทุกคน ทุกสิ่งล้วนมาจากความว่างเปล่า ทำใจให้ผ่อนคลาย ทำนองนี้)
4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา (ฝึกประสาทสัมผัสทั้ง
5.ไว้ครับ อาจจะทำให้สัมผัสที่
6. ที่หลับใหลอยู่ในตัวของพวกเราทุกคนตื่นขึ้นมาก็ได้นะ)

การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น / รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป (ผมว่าข้อนี้พวกเราไม่ควรจะเพิกเฉยต่อการที่ได้เห็น ได้ยินคนอื่นกำลังจะตายนะครับ ช่วยเขาเถอะครับ โปรดเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาก็คือเรา เราก็คือเขา พวกเราล้วนกำเนิดมาจากที่เดียวกัน นั่นคือพลังงานจากความว่างเปล่า ปล.นอกซะจากจะรู้้แน่ๆว่ายังไงเราก็ไม่มีทางช่วยเขาได้แน่ อันนั้นจงอย่าเผยตัวหรือออกไปช่วย เพราะอาจจะทำให้ไปตายหมู่ก็ได้ )
2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ (ผมว่าควรอยู่นิ่งๆจะดีกว่านะครับ เพราะการทำกิจกรรมต่างๆมันจะผลาญพลังงานเราไปเรื่อย ๆ จะทำให้เราหิวและอยากอาหารมากขึ้น)
4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่จะเกิดนั้นจะมีอยู่วันหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ อันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11 (ตรงกับข้อมูลที่ผมได้รับทราบจากหลายๆแหล่ง)มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนักลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้า เสียงลม จะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันเป็นเสียงของมัจจะราชที่จะพิพากษาโลก (ผมได้ทราบมาว่า จะมีคลื่นเสียงที่มีอำนาจมากๆโจมตีโลก ซึ่งตรงกับข้อความนี้มาก)
"จงเตรียมตัวให้พร้อม..!!"

2012 อุบัติภัยวันสิ้นโลก 2

ข่าวคืบหน้า แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" Pole Shift " บรรดา ET กำลังให้ความช่วยเหลือในการรอดของมนุษย์ เเละอาจเกี่ยวกับไดโนเสาร์ตาย


แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี ค.ศ. 2012



จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฏการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น


ดาว NIBIRU ที่สามารถมองเห็นด้วยกล้องดูดาว



....ปัจจัยที่ดาวนิบิรุชนดาวโลกในปัจจัยข้อนี้มีโอกาสชนถึง 95 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณที่จะทำไห้โลกแตกและหายไปทั้งดวงและอีก 3 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณโลกจะหายไปส่วนหนึ่งดาวโลกจะเกิดการขาดสมดุลทางด้านแรง โน้มถ่วงและทำไห้โลกเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนวงโคจรและทำไห้มนุษย์ตายและลอย เคว้งคว้างอยู่กลางอากาศอีก 1 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณดาวนิบิรุชนดวงจันทร์ทำไห้ดาวนิบิรุเปลี่ยนวงโคจรทำไห้ ไม่ชนโลกแต่สะเก็ดดวงจันทร์จะตกลงมายังโลกและเกิดการเสียหายอยู่ดีและทำไห้ น้ำท่วมโลกเพราะไม่มีดวงจันทร์ทำไห้ไม่เกิดปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลงจึงทำไห้นำ ท่วมโลกอยู่ดีและอีก 0.02 โดยประมาณดาวนิบิรุเพียงแค่เฉียดโลกเฉยๆ


ทั้ง 3 อย่างนี้ NASA ว่าจะเกิดขึ้น(พร้อมกัน) ในวันที่ 21 หรือ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555





(คิดนอกกรอบ)
ทางโหราศาสตร์
--> บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็กซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์ ทางโบราณคดี --> อย่างที่พูดข้างต้นไว้...เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายันมีเเค่ ค.ศ. 2012 เท่านั้น
ทางการทำนาย --> นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์ ทางด้าน UFO --> ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเขา (แล้วแต่ความเชื่อ...) ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี ค.ศ. 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจารณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาสตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล ยังที่บอกไว้ว่าดาวเเบบเราไม่ได้มีเเบบนี้ใบเดียว จริงๆแล้วมีถึง 200 กว่าดวงเลยทีเดียว...










ข้างล่างนี้เเล้วเเต่คนจะเชื่อครับ

1. ประกาศ จากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังสีต่างๆจากอวกาศแล้ววัน นั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะ ที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังสีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)


ภาพจําลองของ NASA


2. ชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวณการโคจร การเกิดดับของดวงดาวอย่างไม่น่าเชื่อ คือเขาสามารถคำนวณว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วยังสามารถคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างแม่นยำมากชาว มายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การ NASA เลย 3. นาย Gordon-Michael Scallion เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก เขาได้ทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เท่านั้น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น...


***โปรดใช้วิจารณญาณ***






2012 อุบัติภัยวันสิ้นโลก


ในปี ค.ศ. 2012 มีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกินบางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจากเหตุ โลกร้อน บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งที่หนึ่งที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น เรื่องนี้คือเรื่องดาวปริศนานาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็กซี่ของเรา แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมาก มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาสตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)





และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆว่า...สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้ แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ...ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น..? สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....ดาวดวงนี้เดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็กซี่ทางช้างเผือก แต่มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็กซี่นี้ แปลว่า...ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็กซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย ภาพนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการถ่ายครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับและทับเข้ามาแค่ไหนเส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับแปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!


รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุ


มันเข้าใกล้มากจริงหรือเปล่า..? เส้นทางวงโคจรทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นแต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว


(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุ)


และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม Google Sky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...แล้วทำไม..? มัน เกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละนักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้โลกครั้งหนึ่งแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อนแต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูงหรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตรายเพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติเกิด ภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆนาๆ และเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี ค.ศ. 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว NASA ปิดข่าวเพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่ปล่าว โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย เขาเลยปิดเป็นความลับ แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)


เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2552 ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก ค.ศ.2012 โดยอาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง


อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด) "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน และ คนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)




(ตึกใบหยกที่เราแสนจะภูมิใจในความสูง)


" อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด) "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ " อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริงมีตัวตนจริงๆลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ




อีก 2 ปี. . . เตรียมพร้อมหรือยัง.??
ตื่นเต้นหรือเปล่า ที่อะไรจะเกิดขึ้น.??. . (เราตื่นเต้น)
ถ้ามันเป็นจริง คุณจะทํายังไง.??
แล้วจะทำยังไงต่อไปดี.??





ทาง NASA ได้คํานวณไว้เเล้วว่า
- ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เเละในที่สุดเราก็จะตายกันหมด
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
- แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม




***โปรดใช้วิจารณญาณ***
เว็บโฮสติ้งสุดคุ้ม ที่ webservices.in.th